วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ไปรษณีย์ไทย ชวนส่ง “วัสดุอะลูมิเนียม” ฟรี! เพื่อทำขาเทียมพระราชทาน

ไปรษณีย์ไทย ชวนส่ง “วัสดุอะลูมิเนียม” ฟรี! เพื่อทำขาเทียมพระราชทาน






กรุงเทพฯ 19 มกราคม 2559 - บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) จับมือกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เชิญชวนประชาชนส่งวัสดุอะลูมิเนียมใช้แล้วโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อจัดทำอุปกรณ์ขาเทียมสำหรับผู้พิการที่ขาดแคลน ภายใต้ “โครงการบริจาคอะลูมิเนียมเพื่อจัดทำขาเทียมพระราชทานปี 2559” ซึ่งเป็นโครงการที่ ปณท ให้ความร่วมมือมาอย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนสามารถร่วมบริจาควัสดุอะลูมิเนียมที่ใช้แล้ว อาทิ ห่วงจากฝาหรือกระป๋องเครื่องดื่ม ฝาเครื่องดื่มแบบฝาเกลียว กระป๋องน้ำอัดลม เศษอะลูมิเนียมจากข้อต่อ/บานพับ/รั้ว ชิ้นส่วนจากเครื่องจักรหรืออะไหล่รถยนต์ เพื่อนำไปใช้จัดทำอุปกรณ์ขาเทียม ได้แก่ เบ้า แกน หน้าแข้ง เท้าเทียมและไม้เท้า ซึ่งอะลูมิเนียมประมาณ 1 กิโลกรัม สามารถจัดทำขาเทียมพระราชทานได้ 1 ข้างสำหรับขั้นตอนการฝากส่งนั้น เพียงทำความสะอาดวัสดุอะลูมิเนียมให้เรียบร้อยและบรรจุกล่องหรือซอง น้ำหนักไม่เกินกล่องละ 5 กิโลกรัม จ่าหน้าถึง กรมควบคุมมลพิษ เลขที่ 92 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 และบริเวณกึ่งกลางหรือเหนือจ่าหน้า ให้เขียนคำว่า “วัสดุอะลูมิเนียมใช้แล้ว” โดยสามารถฝากส่งได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือ www.thailandpost.co.th






เรืองที่น่าสนใจ

 ร่วมงานกับผู้ประสบความสำเร็จได้ที่นี้  ใช้ปลายนิ้วสร้างรายได้


 นายไล่ออกก็ต้องจ่าย    ทำงานได้เงินล้านไม่ใช่เรื่องยาก

 ปริศนาบิทคอยน์ที่โลกเพิ่งรู้

เมื่อนายจ้างให้ออกจากงาน นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยเท่าใด?

คอนโดทำเลดี ใกล้ ม.เชียงใหม่

งานดีได้เงิน 1 ล้าน ต่อไปไม่ใช่เรื่องยาก 

 ปริศนาที่ค้างคาใจชาวโลกโซเชียลมานาน ผู้ให้กำเนิด "บิทคอยน์" เผยตัวตนแล้ว

สมัครใช้บิทคอยน์กับเว็บไทย

ข่าวเกี่ยวกับงานปี2559



วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ลดความร้อน!!! โดยไม่ต้องใช้เงินสักบาทจาก "วัสดุเหลือใช้" ผลิตเองได้อย่างง่ายๆ มีคลิป!!!

ลดความร้อน!!! โดยไม่ต้องใช้เงินสักบาทจาก "วัสดุเหลือใช้"ผลิตเองได้อย่างง่ายๆ


 อากาศบ้านเราในปัจจุบันมีแต่จะร้อนขึ้นทุกวัน บางภูมิภาคร้อนถึง45องศาเลยทีเดียวก็มี 
จึงจำเป็นต้องหาวิธีคล้ายร้อนด้วยวิธีต่างๆ เช่นเปิดแอร์แต่ก็ต้องมาหนักเรื่องค่าใช้จ่ายกับค่าไฟที่ตามตัวมาเหมือนกัน  ออกไปเดินห้างสรรพสินค้าอันนี้ก็ดีประหยัดค่าไฟได้แน่ๆ  ไม่ต้องเสียค่าไฟที่บ้าน 
แต่ก็ต้องเจอสิ่งที่ล้อตาล้อใจจะต้องทำให้เสียเงินมากกว่าการเสียค่าไฟเสียอีก  แต่ถ้าคนต่างจังหวัดหรือตามชนบทก็อาจจะไปหาที่เล่นน้ำกัน จะไปเดินห้างสรรพสินค้าน่ะหรอก็อาจจะไม่ค่อยถนัดนัก 
วันนี้เราได้เห็นคลิปวีดีโอ คลิปนึงจาก Friends of BN - Barisan Nasional น่าสนใจอย่างมาก น่าจะช่วยลดความร้อนในขณะนี้ได้บ้าง ลองไปชมกัน




ต่อไปนี้ไม่ว่าจะใกล้จะไกล จะในเมือง หรือชนบท ใครๆก็ลดความร้อนด้วยการผลิตที่ระบายความร้อนด้วยตนเองได้ และยังประหยัดอีกด้วย ถ้าดูแล้วพอจะมีประโยชน์หรือช่วยคล้ายร้อนได้บ้าง ก็แบ่งปันให้เพื่อนๆได้ดูกันด้วยน่ะ






 ร่วมงานกับผู้ประสบความสำเร็จได้ที่นี้

เปิดกรุ 10 วิธีสร้าง Passive income

เรื่องราวที่น่าประทับใจที่เกิดขึ้นในสังคมไทย

งานดีได้เงิน 1 ล้าน ต่อไปไม่ใช่เรื่องยาก 

 ปริศนาที่ค้างคาใจชาวโลกโซเชียลมานาน ผู้ให้กำเนิด "บิทคอยน์" เผยตัวตนแล้ว

สมัครใช้บิทคอยน์กับเว็บไทย


ข่าวเกี่ยวกับงานปี2559



วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บิทคอยน์ คืออะไร

บิทคอยน์ คืออะไร สกุลเงินบิทคอยน์ คือเงินเสมือนจริงในโลกดิจิตอล ซึ่งยังไม่มีประเทศไหนยอมรับสกุลเงินนี้อย่างเป็นทางการ รวมทั้งประเทศไทยที่ถือว่าการทำธุรกรรมบิทคอยน์ผิดกฎหมาย
 สมัครใช้บิทคอยน์กับเว็บไทย


            บิทคอยน์ สกุลเงินเสมือนจริงในระบบดิจิตอล กลายเป็นประเด็นให้คนรู้จักชื่อกันมากขึ้น เมื่อในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ เมานท์ก็อกซ์ดอทคอม (MtGox.com) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทรับซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินบิทคอยน์ที่ ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีปริมาณการแลกเปลี่ยนมากที่สุดในโลก ประกาศล้มละลายกะทันหัน พร้อมยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวกับสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้การทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตทั่วโลกที่ใช้สกุลเงินบิทคอยน์ถูกสั่งระงับชั่วคราว ทำเอาโลกออนไลน์ปั่นป่วนไปไม่น้อย

            อย่างไรก็ตาม กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้หลายคนเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า สกุลเงินบิทคอยน์ คืออะไร แล้วใช้งานกันในโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร กับอีกข้อสงสัยมากมายที่กระปุกดอทคอมขอนำข้อมูลความรู้มาบอกกัน

            สำหรับ บิทคอยน์ (Bitcoin) คือสกุลเงินในรูปแบบดิจิตอลที่ถูกสร้างและเก็บมูลค่าไว้ในโลกออนไลน์ เพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยไม่ขึ้นกับสกุลเงินใด ๆ

            ทั้งนี้ มีการระบุว่า สกุลเงินบิทคอยน์ ถูกคิดค้นขึ้นในปี พ.ศ. 2552 โดย นายซาโตชิ นากาโมโต้ ชายชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น วัย 64 ปี แต่ภายหลัง นากาโมโต้ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนคิดค้นเงินเสมือนจริงนี้ คนทั่วไปจึงคาดการณ์ว่า ชื่อ ซาโตชิ นากาโมโต้ อาจเป็นนามแฝงของคน หรือกลุ่มคนที่คิดค้นเงินสกุลบิทคอยน์ก็เป็นได้

            อย่างไรก็ตาม แม้สกุลเงินบิทคอยน์จะ ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2552 แต่ก็รู้จักกันในกลุ่มคนสังคมออนไลน์บางส่วนเท่านั้น กระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือเอฟบีไอ ทำการปิดเว็บไซต์ "ซิลค์โรด" ซึ่งลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและรับธรรมทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ อาชญากรรม พร้อมกับยึดเงินบิทคอยน์ได้ถึง 26,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 115 ล้านบาท) ชื่อของ "บิทคอยน์" สกุลเงินแห่งโลกดิจิตอล จึงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างเป็นครั้งแรก
 สมัครใช้บิทคอยน์กับเว็บไทย

            สำหรับการหาเงินบิทคอยน์นั้นสามารถทำได้โดยใช้วิธีที่เรียกว่า "ทำเหมือง" หรือใช้คอมพิวเตอร์ของเรามาเป็นเครือข่ายแก้โจทย์คณิตศาสตร์ และจะได้รับบิทคอยน์ จำนวน 10 บิทคอยน์ ทุก ๆ 25 นาทีที่เข้าร่วมแก้โจทย์ดังกล่าว

            ขณะที่การจะใช้สกุลเงินบิทคอยน์มาแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้นั้น ผู้ใช้งานจะต้องลงซอฟต์แวร์เพื่อสร้างบัญชี ซึ่งไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนในการใช้บริการ ขณะที่ขั้นตอนการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก สามารถซื้อขายกับเงินจริง ๆ ได้ในหลาย ๆ สกุล อีกทั้งยังถ่ายโอนผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ง่าย ทำให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่าย

            ด้วยความสะดวกในการใช้งาน นั่นจึงทำให้ในช่วงหลังมานี้ เริ่มมีร้านค้ายอมรับสกุลเงินบิทคอยน์ในการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยมี เว็บไซต์ MtGox.com ของญี่ปุ่น เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเงินรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วนประเทศอื่น ๆ รวมทั้งประเทศไทยเอง ก็มีเว็บไซต์รับแลกเปลี่ยนเงินบิทคอยน์ด้วยเช่นกัน

            อย่างไรก็ตาม เมื่อธุรกิจนี้เติบโตขึ้นมาก จึงมาพร้อมกับปัญหาการโจรกรรมของกลุ่มแฮกเกอร์ ซึ่งปัญหานี้ทำให้มูลค่าเงินบิทคอยน์ร่วงลงอย่างรวดเร็ว และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สกุลเงินบิทคอยน์ก็ยังคงเป็นแค่เงินเสมือน จริงเท่านั้น เพราะการที่เงินสกุลนี้ไม่มีการรักษามูลค่า และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กำหนดมูลค่า อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานใดควบคุม จึงทำให้ยังไม่มีรัฐบาลประเทศไหนออกมาประกาศยอมรับสกุลเงินดังกล่าวอย่าง เป็นทางการ แม้บางประเทศ เช่น เยอรมนี เริ่มเปิดกว้างและยอมรับ ขณะที่สิงคโปร์มองว่า บิทคอยน์เป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ชำระและบริการได้




            หลายคนอาจสงสัยว่า เงินสกุลนี้ไม่มีการรักษามูลค่าอย่างไร ลองย้อนไปดูอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเดือนธันวาคม 2556 ช่วงนั้นอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่กว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ ก่อนจะค่อย ๆ ดิ่งลงมาเรื่อย ๆ มาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2557 และมาอยู่ที่ 135 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2557 อันเป็นผลมาจากการที่หลายบริษัทที่รับแลกเงินบิทคอยน์ต้องปิดตัวลง เพราะเจอภัยจากแฮกเกอร์ ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า ค่าเงินบิทคอยน์ผันผวนสูงมากและมีโอกาสเสื่อมค่าได้อย่างรวดเร็ว

            ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ระบุไว้ในบทวิเคราะห์เรื่อง "Bitcoin...เงินยุคดิจิตอล กับหลากความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึง" ถึง ข้อจำกัดอีกหลายเรื่องที่ทำให้การใช้เงินสกุลบิทคอยน์มีความเสี่ยงไม่น้อย เลย เช่น การที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับให้เงินสกุลนี้สามารถใช้ชำระหนี้ได้จริง ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเป็นในประเทศไทย เรายังไม่มีกฎหมายแลกบิทคอยน์เป็นเงินบาท

            นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยที่เงินบิทคอยน์ไม่มีตัวตนจริง จึงอาจสูญหายได้หากถูกไวรัสที่มือดีปล่อยเข้ามาคุกคามระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงการที่ธนาคารกลางของประเทศนั้น ๆ ยังไม่สามารถควบคุมปริมาณเงินในระบบได้ด้วย

            อีกเรื่องสำคัญที่ทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นกังวลมากก็คือ การที่มีกลุ่มมิจฉาชีพและแก๊งค้ายาเสพติดหันมาใช้สกุลเงินบิทคอยน์ในการฟอก เงินมากขึ้น เนื่องจากไม่มีการตรวจสอบว่าผู้ใช้งานแต่ละบัญชีเป็นของใคร จึงเป็นช่องทางให้เกิดการเลี่ยงภาษี หรือทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายได้ ซ้ำร้ายกว่านั้น เมื่อเกิดการโจรกรรมเงินบิทคอยน์ขึ้นในโลกไซเบอร์ ก็เป็นเรื่องยากที่จะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษด้วย

            เมื่อเป็นเช่นนี้ สกุลเงินบิทคอยน์จึงยังคงเป็นเพียงเงินเสมือนจริงในโลกดิจิตอล ที่ตอนนี้ดูแล้วยังเป็นไปได้ยากที่จะถูกนำมาชำระหนี้ในโลกแห่งความจริงได้ ตามกฎหมาย โดยนักวิเคราะห์ทั่วโลกหลายคนก็ได้เตือนให้ประชาชนที่จะใช้เงินบิทคอยน์ต้องระมัดระวังให้มาก เพราะมีความเสี่ยงหลายประการดังที่ได้กล่าวไป

            ขณะที่ประเทศไทยเองนั้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาประกาศชัดเจนเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 แล้วว่า การทำธุรกรรมใด ๆ ที่ใช้เงินบิทคอยน์ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เพราะระบบดังกล่าวไม่ใช่เงินที่แท้จริง และทำให้ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในโลกที่ห้ามการทำธุรกรรมบิทคอยน์

คอนโดทำเลดี ใกล้ ม.เชียงใหม่


ปริศนาที่ค้างคาใจชาวโลกโซเชียลมานาน ผู้ให้กำเนิด "บิทคอยน์" เผยตัวตนแล้ว

สมัครใช้บิทคอยน์กับเว็บไทย

งานดีได้เงิน 1 ล้าน ต่อไปไม่ใช่เรื่องยาก

ข่าวเกี่ยวกับงานปี2559


ปริศนาที่ค้างคาใจชาวโลกโซเชียลมานาน ผู้ให้กำเนิด "บิทคอยน์" เผยตัวตนแล้ว


นักธุรกิจชาวออสเตรเลียออกมาเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้บุกเบิก "บิทคอยน์" และจดทะเบียนสิ่งประดิษฐ์ภายใต้นามแฝงเป็นชื่อญี่ปุ่น
ในที่สุดปริศนาที่ค้างคาใจชาวโลกโซเชียลมานานก็ได้รับการเปิดเผย เมื่อนักธุรกิจชาวออสเตรเลียที่ชื่อ เครก สตีฟ ไรท์ ยอมรับว่า
เขาคือผู้บุกเบิกเงินตราดิจิทัล หรือบิทคอยน์ (Bitcoin) และจดทะเบียนสิ่งประดิษฐ์นี้ภายใต้นามแฝงว่า
ซาโตชิ นากาโมโต แต่ตัวตนของนักประดิษฐ์รายนี้ก่อให้เกิดข้อสงสัยมาโดยตลอด
เช่นเดียวกับการใช้บิทคอยน์ที่กลายเป็นประเด็นถกเถียงที่รุนแรงไม่แพ้กัน เพราะมีทั้งผู้ที่มองว่าเป็นการปฏิวัติการใช้จ่ายในโลกออนไลน์
และมองว่าเป็นการใช้จ่ายนอกระบบเศรษฐกิจและไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลหลายๆ ประเทศ เมื่อปี 2009 เครก สตีฟ ไรท์ ใช้นามแฝงว่า
ซาโตชิ นากาโมโตเปิดตัวซอฟท์แวร์บิทคอยน์เป็นครั้งแรก นับจากนั้นตัวตนของชายผู้นี้ก็เป็นที่กล่าวถึงและเป็นเป้าหมายการค้นหามาโดยตลอด
จากข้อมูลที่เขาให้ไว้กับองค์กรเพื่อแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี P2P Foundation เมื่อปี 2012 ระบุว่า
เขาเป็นชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ ซาโตชิ นากาโมโต อายุ 37 ปีในขณะนั้น และอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า
ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีเยี่ยม อีกทั้งยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับบิทคอยน์ในภาษาญี่ปุ่น
ทำให้คนกลุ่มนี้เชื่อว่า ซาโตชิ นากาโมโตไม่น่าจะใช่คนญี่ปุ่น หรือแม้แต่ตัวจริงๆ ของผู้คิดค้นเงินตราออนไลน์

หลังจากนั้นมีสื่อมวลชนและนักวิชาการพยายามแกะรอยตัวตนและที่อยู่ของ ซาโตชิ นากาโมโตเรื่อยมา
แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งยังชี้ตัวผิดพลาดมาโดยตลอด เช่น ระบุว่าเขาน่าจะเป็นนักวิจัยด้านไอทีชั้นแนวหน้าของโลกในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง หรือเป็นบุคคลธรรมดาที่มีความหลงใหลในงานด้านคณิตศาสตร์และไอที แต่การอ้างชื่อบุคคลเหล่านี้ผิดพลาดทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม
มีข้อสังเกตว่าซาโตชิ นากาโมโตใช้คำสบถในภาษาอังกฤษแบบที่ใช้กันในสหราชอาณาจักรหรือในกลุ่มประเทศเครือจักรภพ
เช่น ออสเตรเลีย และแล้วการตามล่าเจ้าพ่อบิทคอยน์ก็เริ่มใกล้ความจริงยิ่งขึ้น
เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว นิตยสารไวร์ด (Wired) และเว็บไซต์ Gizmodo ระบุว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังบิทคอยน์น่าจะเป็นชายชาวออสเตรเลียที่ชื่อ
เครก สตีฟ ไรท์ นักธุรกิจและอดีตนักวิจัยด้านไอที แต่หลังจากเป็นข่าวไรท์ได้ปิดทวิตเตอร์ส่วนตัวและไม่ยอมให้ข่าวกับสื่อมวลชน อย่างไรก็ดี
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการรายงานข่าวของ Wired ตำรวจออสเตรเลียเข้าบุกค้นบ้านของไรท์ในเมืองกอร์ดอน
และที่ทำงานของเขาในเมืองไรด์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยตำรวจให้เหตุผลว่าได้รับการร้องขอจากสำนักงานสรรพากร จนกระทั่งวานนี้ ไรท์ก็ยอมรับอย่างเป็นทางการว่า
เขาคือซาโตชิ นากาโมโต ผู้ประดิษฐ์บิทคอยน์จริง โดยเปิดเผยเรื่องนี้กับสำนักข่าวบีบีซี
นิตยสารรดิอีโคโนมิสต์ และนิตยสารจีคิว ทั้งนี้ เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวตนตั้งแต่แรก แต่ที่ต้องทำไปก็เพื่อยุติการเผยแพร่ข้อมูลที่สับสน
นอกจากนี้ เขายังไม่หวังที่จะได้รับชื่อเสียงหรือเงินแม่แต่แดงเดียวจากการเปิดเผยตัวตน ไรท์ระบุว่า
เขาต้องคิดหนักก่อนที่จะตัดสินใจเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะและต้องการให้เกิดความชัดเจนขึ้นเพราะเขารักในงานที่ทำอยู่ และไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเล่าลือหรือกระแสความหวาดกลัวในทางลบ
หลังจากนี้ ไรท์จะเปิดเผยงานวิจัยเชิงวิชาการเพื่อให้สาธาณชนได้เข้าใจและตระหนักในศักยภาพของบิทคอยน์มากยิ่งขึ้น
เพราะเขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าบิทคอยน์และบล็อกเชน (Blockchain เครือข่ายข้อมูลธุรกรรมออนไลน์)
จะช่วยเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดียิ่งขึ้น แม้ไรท์จะเปิดเผยวิดีโอการเปิดตัวบิทคอยน์เข้าสู่ระบบออนไลน์เมื่อปี 2009
ให้สื่อได้ชมเป็นขวัญตา สื่อชั้นนำที่เปิดเผยเรื่องราวของเขาย้ำว่า หลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบกันต่อไปอีกหลายขั้นตอน เพื่อที่จะยืนยันว่าเขาผู้นี้คือผู้สร้างเงินตราแห่งโลกอนาคตจริงๆ





คอนโดทำเลดี ใกล้ ม.เชียงใหม่

 

บิทคอยน์ คืออะไร

สมัครใช้บิทคอยน์กับเว็บไทย

งานดีได้เงิน 1 ล้าน ต่อไปไม่ใช่เรื่องยาก

ข่าวเกี่ยวกับงานปี2559

 

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

หญิงร้องสื่อถูกคู่กรณีขับรถชนร่างอัดกำแพง แจ้งความข้อหาพยายามฆ่า ตร.ชี้หลักฐานไม่เพียงพอ

10 ก.พ. รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้มีการนำเสนอเหตุการณ์จากกรณีมีปากเสียงกับคู่กรณีเป็นเพื่อนบ้านหญิงวัยกลางคนที่อาศัยในซอยเดียวกันย่านพระราม6 ซึ่งจากหลักฐานกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์รถเก๋งคันหนึ่งพุ่งชนหญิงผู้เข้าร้องเรียนจนร่างกระเด็นติดกำแพง





จากการสอบถามสาเหตุของการเกิดเหตุพบว่าหญิงวัยกลางคนไม่พอใจที่รถของแฟนหนุ่มเธอบีบแตรใส่หญิงวัยกลางคนที่เดินบริเวณหน้ารถ ขณะที่จะจอดรถส่งเธอจนมีปากเสียงกัน และในวันเกิดเหตุสามีของหญิงวัยกลางคนได้ขับรถพุ่งชนเธอจนร่างติดกำแพง โดยที่หญิงคู่กรณีนั่งอยู่ข้างคนขับ ทำให้ผู้ร้องเรียนได้รับบาดเจ็บกระดูกหักหลายจุด

ล่าสุดทางผู้ร้องเรียนได้เข้าแจ้งความในข้อหาพยายามฆ่ากับชายที่ขับรถชนและหญิงที่นั่งมาด้วย แต่ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว อ้างว่าเป็นอุบัติเหตุและไม่มีแรงจูงใจในการก่อเหตุ จึงให้ประกันตัวในวงเงิน 3 แสนบาท ขณะที่ จนท.ยังไม่สามารถแจ้งข้อหาหญิงวัยกลางคนที่นั่งข้างคนขับในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าได้ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาเพียงพอ ตำรวจยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ในขณะเดียวกันทางฝั่งของหญิงสาวที่ได้รับความเสียหายก้ได้มีการแชร์คลิปเหตุการณ์และเล่าเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊คของตัวเองด้วยรายละเอียดระบุว่า..

ผู้หญิงในคลิปที่ถูกชนอัดกำแพงคือ พลอยเองค่ะ
จากเหตุการณ์นี้ พลอยซี่โครงหักทั้งหมด14ซี่ กระดูกสันหลังยุบ ปอดซ้ายทะลุต้องกรีดข้างลำตัวเพื่อใส่เครื่องดูดลม ปอดขวารั่ว ไหปลาร้าร้าว2ข้าง เอ็นมือขวาฉีก

พลอยรู้ว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุเพราะทั้งสองคนไม่ตกใจที่ชนพลอย ไม่ช่วยเรียกพยาบาล แต่ตกใจที่กันชนหน้าของรถคันขาวหลุด พลอยคิดว่าหลักฐานชัดมากที่จะดำเนินคดีทางกฎหมายให้คนผิดได้รับโทษ

แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆคดีไม่คืบหน้า และเริ่มเห็นความชัดเจนว่า มีชองโหว่ที่จะถูกบิดคดีกลายเป็น "อุบัติเหตุ" เลยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องออกมาเรียกร้อง พลอยไม่ได้ขอให้พลิกคดีจากผิดเป็นถูก แต่แค่ขอให้ทุกอย่างซื่อตรงถูกต้อง



ขอให้ทุกคนช่วยแชร์ให้มากที่สุด เพื่อให้เรื่องของพลอยเป็นอุทาหรณ์และเป็นการเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงในสังคมด้วยค่ะ
ขอบคุณที่มา >> Facebook >> Ploy Pat..

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เนวิน ประกาศลั่น! พร้อมล้างบาปที่เคยดันบังยีนั่งนายกสมาคมฯ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

"บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ยูไนเต็ด  เดินเครื่องเต็มกำลัง

ประกาศล้างบาปบอล ไทยไถ่โทษตัวเองเคยดันบังยีนั่งนายกสมาคมฯ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
จี้ "บังยี" วรวีร์ มะกูดีอย่าเอา "ฟุตบอลไทย" เป็นตัวประกัน ประกาศลั่นขอนำ "สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ"
 คืนให้แฟนบอลไทยทั้งประเทศ


โดย "บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ เผยผ่าน FM97 ว่า

"เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ
ที่นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จับเอาฟุตบอลไทยเป็นตัวประกัน โดยไปอาศัยฟีฟ่าเป็นเครื่องมือ
เพื่อตำแหน่งนายกสมาคมของตัวเองที่จะมีการเลือกตั้ง"

"สำหรับผมเอง ต้องเสียใจมากกว่า
มากกว่าแฟนบอลชาวไทยทุกคน ต้องเสียใจมากกว่ามวลหมู่สมาชิกของสมาคมฯที่เป็นโหวตเตอร์ "


"ที่ผมบอกว่าผมรู้สึกเสียใจมากกว่าทุกคน ผมรู้สึกเหมือนคนบาป เพระสองปีที่ผ่านมา
ในการเลือกตั้งนายกสมคมฯครั้งที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะผม วันนี้แฟนบอลชาวไทย ไม่ต้องมาเสียใจอย่างนี้
และวงการฟุตบอลไทยคงไม่ต้องตกต่ำขนาดนี้"

"ผมต้องบอกว่าเป็นบาปติดตัวผมมาตลอด 2 ปี
วินาทีนี้ผมอยากบอกแฟนบอลชาวไทยทุกคนและหมู่มวลสมาชิกทั้งหลายว่าขออย่าได้กังวลใจ"


"ผมต้องขอล้างบาปฟุตบอลไทยตลอด 2 ปี ผมเรียนยืนยันว่าจะทุกวิถีทางเพื่อรักวงการฟุตบอลของประเทศไทย
รักษาควมถูกต้อง และรักษาควมหวังของแฟนบอลชาวไทย"

"ไม่ว่าต่อจากนี้ผมหรือบุรีรัมย์จะต้องพบกับอะไรหรือสูญเสียอะไร
ผมเรียนยืนยันว่าการนำองค์กรสำคัญ คือ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นของคนไทยทั้งชาติ
กลับมาให้คนไทย สำคัญกว่าทุกเรื่อง สำคัญกว่าอนาตของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด"


"ฉะนั้นผมเรียนยืนยันพร้อมทำทุกอย่าง เพื่อไถ่บาปที่ผมทำไว้ต่อวงการเมื่อ 2 ปีที่แล้ว"


ขอบคุณรูปภาพ : BURIRAM UNITED

ขอบคุณเนื้อหาข่าวของ - buaksib.com

"วาเลนไทน์นี้" เหนือ อีสาน รับลมหนาวถึงวันที่17 ก.พ. เมืองใต้ยังมีมรสุมอยู่

"วาเลนไทน์นี้" เหนือ อีสาน รับลมหนาวถึงวันที่17 ก.พ. เมืองใต้ยังมีมรสุมอยู่
  ในช่วงวันที่ 11 - 14 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมบริเวณประเทศไทยจะมีกำลังอ่อน
ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า
และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส แต่ยังคงทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป 
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 17 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จะแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน
และทะเลจีนใต้ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส
ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง 
ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีคลื่นสูง 2-3 เมตร